บทความพิเศษ เรื่องเทคโนโลยี และภูมิปัญญาไทย แก้ปัญหาภัยแล้งระดับชาติ ( ตอนที่ 1 )
ปริมาณน้ำฝนที่
จากข้อมูลดังกล่าว ประเทศไทยเราจึงอยู่บนความเสี่ ยงที่จะเจอกับปัญหาภัยแล้งมาก โดยเฉพาะตัวเลขสถิติที่สามารถจั บต้องได้จากกรมทรัพยากรน้ำ ก็ยิ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ ยวกับภัยแล้งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรที่ เพาะปลูกพืชไร่ไม้ผล ที่มีความจำเป็นจะต้องใช้น้ำเป็ นปัจจัยหลักในการเพาะปลูก และนอกจากปัญหาเรื่องการบริ หารจัดการน้ำแล้ว ยังมีปัญหาเรื่องของปรากฏการณ์ เอลนีโญ ที่เกิดขึ้นในทุก 4-5 ปี แต่บางทีก็อาจไม่ได้เกิ ดจากเอลนีโญไปเสียทั้งหมด เพราะจากภัยแล้งต่อเนื่ องยาวนานตั้งแต่ปี 2557 ยังคาดการณ์กันว่าน่าจะแล้ งยาวไปจนถึงเดือนพฤษภาคมปี 2559 นี้ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่ องของสถานการณ์โลกร้อน (Global Warming) และเรื่องของสภาพภูมิอากาศที่ เปลี่ยนแปลง (Climate Change) เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ตามสภาพแวดล้อมและปัจจัยของโลก ที่ไม่น่าจะเหมือนเดิมอีกต่ อไปหรืออาจจะเรียกว่าเลวร้ายกว่ าเดิม โดยเราสามารถสั งเกตความแปรปรวนนี้ได้จากช่ วงปลายเดือนมกราคม ถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่ านมา กับอุณหภูมิตั้งแต่ติดลบไปจนถึ งสิบกว่าองศาเซลเซียส ที่เข้ามาปกคลุมบ้านเราแบบกะทั นหันเกือบค่อนประเทศ และแว่วๆ มาว่าในอีกไม่ช้านี้ก็จะมีหย่ อมความกดอากาศสูงจากจีนอี กระลอกหนึ่งเข้ามาอีก สภาพการณ์นี้ก็สามารถชี้ให้เห็ นถึงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบันที่ แปรปรวน ซึ่งพวกเราชาวไทยจะได้สัมผัสกั บอากาศหนาวกันแบบรายสัปดาห์กั นเลยทีเดียว (หนาว 1 สัปดาห์ ร้อน 1สัปดาห์) แต่อาจส่งผลกระทบทำให้เกิ ดความสูญเสียต่อผลผลิ ตภาคการเกษตรอีกก็เป็นได้
จากปัจจัยลบหลายๆ ด้านที่กล่าวมานี้ ทำให้เรามิอาจนิ่งนอนใจหรื อรอความช่วยเหลือจากผู้อื่น หรือขอความช่วยเหลือจากภาครั ฐอยู่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ โดยเฉพาะในเรื่องของการบริหารจั ดการน้ำ ระบบการชลประทานที่เราฝันกันว่ าจะมีให้เกษตรกรได้อย่างทั่วถึ งทุกหมู่บ้าน หรือทุกพื้นที่การเพาะปลูกก็ คงจะนานเกินรอ หรือจะมัวหวังให้มีการสร้างเขื่ อนกักเก็บน้ำให้เพิ่มมากขึ้น อาจจะเรียกว่าเป็นความหวังลมๆ แล้งเสียก็ว่าได้ เพราะพื้นที่ที่เหมาะสมต่ อการสร้างเขื่อนก็เหลือน้อยเต็ มที รวมถึงการประท้วงต่อต้านการสร้ างเขื่อนจากองค์กรต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับทุนสนับสนุ นมาจากต่างประเทศ ที่ดูๆ ไปเหมือนประเทศเหล่านั้นจะรู้ว่ าถ้าเราสามารถบริหารจัดการน้ ำได้เพียงพอ เราก็จะร่ำรวยมั่งคั่งเกินหน้ ากว่าเขาเป็นแน่แท้ และเมื่อไม่สามารถสร้างเขื่ อนหรือฝายเก็บน้ำได้ ประเทศที่มีความโดดเด่นเชี่ ยวชาญเรื่องเกษตรกรรม แผ่นดินที่เคยได้ชื่อว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ก็อาจกลายเป็นเพียงแค่ตำนาน
ปัจจุบันประเทศไทยเรามีขนาดพื้ นที่ประมาณ 512,000 ตารางกิโลเมตร หรือถ้าคิดเป็นจำนวนไร่ ก็มี 320,696,888 ไร่ มีพื้นที่เพาะปลูกด้ านการเกษตรอยู่ 149,236,233 ( สถิติปี 2556 ของสำนักเศรษฐกิจการเกษตรที่ได้ รวบรวมไว้เมื่อปี 2557 ) และถ้าเรามองย้อนกลับไปเมื่อ 4 – 5 ปีที่แล้วก็จะพบว่าพื้นที่ การเกษตรของเราลดลงอย่างมาก เพราะเมื่อปี 2553 เรายังมีพื้นที่ใช้ สอยทางการเกษตรอยู่ที่ 149,416,681 ไร่ ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้วหายไป 180,449 ไร่ และส่วนที่เหลือก็จะเป็นพื้นที่ ป่าไม้ พื้นที่นอกการเกษตรและพื้นที่อื ่นๆ ตามลำดับ แต่อย่างไรก็ตามเรายังมีทางเลื อกอยู่เสมอ เช่น การน้อมนำแนวพระราชดำรั สของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือการสร้างสระนำประจำไร่นา สระน้ำแก้มลิง ให้มากเพียงพอต่อการเพาะปลู กในพื้นที่ของเราเอง เรียกได้ว่าสระน้ำประจำฟาร์มส่ วนตัวของเกษตรกร เพื่อรองรับกับปริมาณน้ำฝน ซึ่งจะขอยกยอดเรื่องเทคโนโลยี และภูมิปัญญาไทย แก้ปัญหาภัยแล้งระดับชาติไปไว้ ในฉบับหน้าหรือตอนที่ 2 ครับ
สนับสนุนบทความโดย นายมนตรี บุญจรัส กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยกรีน อะโกร จำกัด (ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ)